รถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับฉันไหม

โลกนี้เต็มไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้า และเพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่ไม่เชื่อรู้สึกเหมือนกำลังพลาดสิ่งใหญ่โตต่อไป หากคุณยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อเปลี่ยนจากจุด A ไปจุด B คุณควรเปลี่ยนไปใช้ EV หรือไม่—หรือว่ากระแสความนิยมจากกระแสไฟลุกลามจนหมดสิ้น

ต่อไปนี้คือข้อโต้แย้งทั้งสองด้านที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่

เป็นเจ้าของ EV: ข้อดี

ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีกว่าที่เคยในการขับรถ EV ด้วยเหตุผลหลายประการที่เพิ่มขึ้น สิ่งแรกและสำคัญที่สุด: รถยนต์ไฟฟ้าได้รับการปรับปรุงอย่างน่าทึ่งในด้านการออกแบบ วิศวกรรม และช่วง

ปัจจุบันมี EV ประมาณ 20 คันพร้อมจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน โดยที่ผู้ผลิตรายใหญ่ทุกรายกำลังลงทุนอย่างหนักในส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ รุ่นพรีเมี่ยมบางรุ่นมีระยะใกล้เครื่องหมาย 500 ไมล์; ตัวอย่างราคาไม่แพงมากมายสามารถวิ่งได้ไกลถึง 250 ไมล์เมื่อใช้แบตเตอรี่เต็ม ซึ่งยังเพียงพอสำหรับความต้องการในการขับขี่ส่วนใหญ่

ใครชอบแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันบ้าง? ใครก็ได้? รถยนต์ไฟฟ้าข้ามประสบการณ์อันไม่พึงประสงค์จากการสูบน้ำมันที่สถานีบริการที่น่าสงสัยไปพร้อมกับช่วยให้คุณชาร์จรถได้ในขณะที่คุณซื้อของ

จำนวนที่ชาร์จสาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้รับการสนับสนุนจากร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่สัญญาว่าจะมีเครือข่ายที่กว้างขวางยิ่งขึ้น หากบ้านของคุณต่อสายไว้ล่วงหน้าสำหรับการเชื่อมต่อ 240 โวลต์ คุณสามารถติดตั้งที่ชาร์จระดับ 2 ได้ในราคาเพียง 1,000 ดอลลาร์

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับระยะยังคงเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความเป็นจริงก็น้อยลงด้วยระยะของยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นและจำนวนที่เพิ่มขึ้น ของตัวเลือกการชาร์จ โดยเฉพาะตัวเลือกการชาร์จแบบเร็ว DC ที่สามารถชาร์จ 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาเพียง 20 นาที.

การขับรถ EV เป็นประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ ต้องขอบคุณการทำงานที่เงียบและการเร่งความเร็วที่ราบรื่น เนื่องจากไม่มีการสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์แก๊สและไม่มีเกียร์มาขัดขวางการไหลของกำลัง ยานยนต์ไฟฟ้าจึงแสดงลักษณะการขับขี่ที่สูงมาก ผู้ผลิตรถยนต์ระดับหรูเป็นที่ต้องการ: แรงขับที่นุ่มนวล การควบคุมที่คล่องตัว (ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ) และห้องโดยสารที่สงบซึ่งให้ความรู้สึกเป็นฉนวนจากภายนอก โลก.

ปัจจุบัน EV หลายคันมีแผนที่ระยะที่อ่านง่ายซึ่งซ้อนทับระยะทางที่อาจเดินทางโดยพิจารณาจากสถานะแบตเตอรี่ปัจจุบัน

การใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะประหยัดกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเช่นกัน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าขาดชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้นั้นแทบไม่ต้องมีการบำรุงรักษาเลย การชาร์จยังถูกกว่าการเติมเชื้อเพลิงด้วย: EV มีค่าใช้จ่ายเท่ากับ 1 ดอลลาร์ต่อแกลลอนของน้ำมันเพื่อ "เติมน้ำมัน"

สินเชื่อของรัฐบาลกลางและเงินอุดหนุน EV ที่เป็นไปได้เพิ่มแรงจูงใจทางการเงินให้กับไฟฟ้า เช่นเดียวกับสัญญา ของการลดก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม (แม้ว่าข้อโต้แย้งนั้นจะไม่ใช่ทั้งหมด กันน้ำ; ดูด้านล่าง)

การเป็นเจ้าของ EV: ข้อเสีย

ก่อนอื่น มาพูดถึงช้างในห้องกันโดยบอกว่าสิ่งที่ผู้เผยแพร่ศาสนา EV ส่วนใหญ่อาจไม่ยอมรับ: รถยนต์ไฟฟ้าไม่เหมาะสำหรับทุกคน ใช่ มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแก๊ส แต่ยังมีข้อโต้แย้งที่ชัดเจนสำหรับการยึดติดกับตัวเลือกแบบเดิม

เหตุผลสำคัญบางประการที่ทำให้ไม่ใช้ชีวิต EV: ไม่มีที่ชาร์จที่บ้าน หากสภาพความเป็นอยู่ของคุณขัดขวางไม่ให้คุณติดตั้งสถานีชาร์จระดับ 2 ในโรงรถหรือใกล้รถของคุณ การใช้ที่ชาร์จสาธารณะอาจไม่คุ้มกับความยุ่งยาก ในขณะที่บางคนพบวิธีแก้ไขปัญหาชั่วคราว (เช่น การเข้าถึงที่ชาร์จในที่ทำงาน) หรือใช้กิจวัตรในห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงที่เปิดใช้งานการชาร์จ ขณะช้อปปิ้งหรือรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าทำงานโดยไม่ต้องชาร์จที่บ้าน ส่งผลเสียอย่างมากในรถยนต์ไฟฟ้า อุทธรณ์.

อุปสรรคอีกประการหนึ่งคือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในเบื้องต้นของรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่แรงจูงใจของรัฐบาลช่วยลดปัญหาทางการเงินบางส่วน (และผู้ผลิตรถยนต์ได้รวมข้อเสนอการเช่าที่น่าสนใจไว้ด้วย ประมาณ EVs เพื่อกระตุ้นยอดขาย) รถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ยังคงมีแนวโน้มที่จะมีราคาแพงกว่าที่ขับเคลื่อนด้วยแก๊ส คู่หู

ในขณะที่เครือข่ายซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ทั่วโลกของเทสลากว่า 25,000 ตัวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของถนนได้อย่างมาก การสะดุดสำหรับเมกัสฝึกหัดของ Elon Musk ผู้ที่ขับรถ EV อื่นต้องเผชิญกับความท้าทายในการหาที่ชาร์จในที่โล่ง ถนน. หน่วยงานเช่น Electrify America กำลังรุกเข้าสู่เครือข่ายเครื่องชาร์จที่กว้างขวางยิ่งขึ้นและรัฐบาล บทบัญญัติด้านโครงสร้างพื้นฐานรวมถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มสถานีชาร์จครึ่งล้านทั่ว ประเทศ. แต่แผนเหล่านั้นยังไม่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด และที่นี่และตอนนี้ก็นำเสนอความท้าทายด้านลอจิสติกส์สำหรับผู้เดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า (เอ็ด บันทึก: Tesla สัญญาว่าจะเปิดเครือข่าย SuperCharger ให้กับผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของ Tesla)

ผู้ที่เคยประสบปัญหาไฟฟ้าดับมีความกังวลที่ถูกต้องว่ากริดไฟฟ้าไม่ใช่แหล่งพลังงานที่น่าเชื่อถือที่สุดเสมอไป เราสามารถตอบโต้ปัญหาเหล่านั้นด้วยการโต้แย้งว่าท่อส่งน้ำมันถูกโจมตีทางอินเทอร์เน็ต (ตัวอย่างเช่น การปิดท่อส่งโคโลเนียลในช่วงกลางปี ​​2564 ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นและทำให้น้ำมันขาดแคลน) อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันมีแนวโน้มที่จะซ้ำซ้อนมากกว่าโครงข่ายไฟฟ้า

สุดท้าย แม้ว่าแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้าอาจดูเหมือนเป็นกระสุนวิเศษที่แก้ปัญหาต่างๆ เช่น การพึ่งพาปิโตรเลียมและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่มีข้อโต้แย้งกลับด้าน

ท่ามกลางความแตกต่างคือการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าสามารถผลิตคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการใช้ก๊าซเนื่องจากกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ การขุดโลหะแรร์เอิร์ธที่ใช้ในแบตเตอรี่บางชนิดนั้นใช้พลังงานมาก และสามารถผลิตของเสียที่เป็นพิษได้ นอกจากนี้ หากโรงไฟฟ้าถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าสามารถก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดีต่อสิ่งแวดล้อมได้

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้เปรียบในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่ออยู่บนท้องถนนเป็นระยะทางหลายหมื่นไมล์ ณ จุดนี้ รถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะวิ่งได้เกินมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของ EV

บรรทัดด้านล่าง: EVs เหมาะสำหรับคุณหรือไม่?

หลังจากฝุ่นตกลงมา ควรเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าหรือไม่? ผู้แปลง EV ส่วนใหญ่จะบอกคุณว่าความกังวลเกี่ยวกับช่วงนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ซึ่งอาจเป็นความจริงได้หากผู้ขับขี่วางแผนเส้นทางและกลยุทธ์การชาร์จล่วงหน้า

ด้วยการไตร่ตรองล่วงหน้าเล็กน้อย EV ที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยนวิธีคิดของคุณเกี่ยวกับการขนส่งและให้สัญญาเช่าใหม่แก่คุณบนพื้นฐาน ของการขับขี่ กระทั่งแนะนำความแปลกใหม่ของการขับขี่ด้วยคันเร่งเดียว ที่ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ระหว่างคันเร่งและเบรกอย่างต่อเนื่อง คันเหยียบ

อย่างไรก็ตาม หากบ้านของคุณไม่เอื้อต่อการติดตั้งที่ชาร์จเฉพาะ และตัวเลือกของคุณนอกเหนือจากบ้านก็มีจำกัด คุณอาจพบว่าการใช้ไฟฟ้าไม่คุ้มกับความพยายาม การอภิปรายเรื่องอากาศบริสุทธิ์ยังเป็นแบบสองด้าน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าสามารถให้ประโยชน์ในระยะยาวเหนือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแต่ไม่ได้ทั้งหมดไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เราขอแนะนำให้ใช้ EV เพื่อทดลองขับ โดยพิจารณาจากทั้งสองฝ่ายของการโต้แย้ง และชั่งน้ำหนักปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้เพื่อตัดสินใจว่ารถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับคุณหรือไม่ แม้ว่า EV ไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่ก็มีวิธีที่จะเอาชนะใจและความคิด